โรคยอดฮิต... ของ “บอนสี” (ตอนที่ 1)
จากกระแสสุดฮิตแบบฉุดไม่อยู่ของไม้ประดับอย่าง “บอนสี” จากระดับราคาหลักร้อยหลักพันบาทต่อกระถางจนถึงระดับเกือบ 20 ล้านบาท ด้วยมูลค่าของบอนสีที่มีราคาแพงและเป็นของสุดรักของใครหลายๆ ท่าน วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่าน มาทำความรู้จักกับโรคพืชที่อาจเกิดขึ้นกับใบบอน
บอน หรือบอนสี เป็นพรรณไม้ชนิดเดียวกับ “เผือก” ซึ่งเป็นพรรณไม้ในสกุล (Genus) Colocasia และเป็นญาติใกล้ชิดกับดอกหน้าวัว ซึ่งนักวิทยาศาตร์จัดให้พรรณไม้ทั้ง 3 ชนิด อยู่ในวงศ์ (Family) Araceae ดังนั้น ในบทความนี้เราจะขอเทียบเคียงโรคพืชในเผือกและดอกหน้าวัวที่นักวิชาการได้ศึกษาไว้กับบอนสี กันครับ
โรคพืชในบอนสีชนิดแรกที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ความชื้นสัมพันธ์ในอากาศสูง มีฝนตกพรำๆ นั้นก็ คือ โรคใบไหม้ หรือโรคใบจุดตาเสือ (Leaf blight) เป็นโรคพืชที่พบแทบจะตลอดทั้งปีในเผือก โรคใบไหม้ มีสาเหตุจากเชื้อรา Phythopthora colocasiae Rac หรือเชื้อราสาเหตุโรคใบไหม้ในดอกหน้าวัว Phythopthora parasitica Dastur
ทั้งเชื้อรา P. colocasiae และ P. parasitica ต่างก็มีลักษณะอาการของโรคคล้ายกัน คือ เริ่มแรกจะเกิดแผลจุดฉ่ำน้ำ เมื่อแผลขยายขนาดขึ้นจะพบว่าบริเวณเนื้อแผลเป็นสีขาวอมเทาและสีน้ำตาลอ่อน ต่อมาแผลจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ รอบๆ แผลยังคงมีรอยฉ่ำน้ำและบริเวณขอบแผลเนื้อใบบอนจะเป็นสีเหลืองล้อมรอบแผล หากโรคระบาดรุนแรงเชื้อโรคจะลุกลามเข้าสู่ก้านใบและโคนต้นได้ ทำให้เกิดอาการก้านหรือโคนต้นเน่าเสียหาย
การดูแลรักษาโรคใบไหม้ ควรรีบป้องกันกำจัดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเมื่อเกิดโรค โดยตัดส่วนที่ติดโรคออกและพ่น สโตรดี้ (อะซอกซีสโตรบิน 20%+ไดฟิโนโคนาโซล 12.5%) อัตรา 10-15 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ร่วมกับ มาเฟอร์ (แมนโคเซบ 80%) หรือ เดซี่ (โพรพิเนบ 70%) อัตรา 50-60 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเมื่อพบการระบาดของโรคและพ่นครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 7-10 วัน
หรือ พ่นด้วย อาร์นิลีน (ไซมอกซานิล 8%+แมนโคเซบ 64%) อัตรา 50-60 กรัม พ่น 2-3 ครั้ง ทุกๆ 7-10 วัน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง